จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ

ปัจจุบันนักการศึกษาทั่วโลกเรียกร้องให้จัดการศึกษาด้วยการยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หรือที่ไทย  เราใช้คำว่าการจัดการเรียนการสอนที่ถือว่าผู้เรียนสำคัญที่สุด   จากข้อมูลการปฏิบัติของครูอาจารย์ในบ้านเราพบความลักลั่นเป็นปัญหาพอควร  จากความเข้าใจผิดเข้าใจไม่ครบถ้วนและเข้าใจไม่ตรงกันจนมีผู้ยกเป็นประเด็นว่า  รูปแบบการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญน่าจะเป็นการทำลายคุณภาพของการศึกษา           ตัวอย่างของความ สับสนจนทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนเองก็สงสัยในความดีงามของการเรียนการสอน แบบนี้  ครูบางคนอ้างถึงการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญจึงปล่อยให้ผู้เรียนเรียนตามลำพัง จนเกือบจะเรียกว่าตามยถากรรม  กิจกรรมหนักไปทางการศึกษาค้นคว้าจากหนังสือและสื่อต่าง ๆ ตามความสนใจจนบางครั้งคล้ายกับไร้ทิศทาง  ไร้มาตรฐาน  นักเรียนเองพอใจกับการได้ทำกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง  สนุก  เพลิดเพลิน  ได้เรียนรู้หลายด้านนอกจากได้ความรู้  แต่นักเรียนก็เรียกร้องอยากให้ครูช่วยให้คำแนะนำในสิ่งที่ควรรู้ควรเก่งตาม มาตรฐานที่ดีงาม  อยากให้ครูช่วยแนะนำในสิ่งที่ควรปรับปรุงในผลการทำกิจกรรมเพื่อทวีความรู้ ความสามารถ  รวมถึงช่วยแนะแนวทิศทางที่นักเรียนแต่ละคนควรขวนขวายพยายามเรียนรู้ให้สอด คล้องกับพื้นฐานความถนัดความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละคน
          อาจารย์ดำรง  สุวรรณกาญจน์  ครูแห่งชาติจากโรงเรียนยะหาศิรยานุกูล  ยะลา ให้ความหมายของการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญไว้ดี  ท่านกล่าวว่า เดิมเรามุ่งสอนเด็กโดยการเน้นการท่องจำตามตำรา เด็กจึงไม่ได้เรียนรู้อย่างแท้จริง  มองข้ามความสามารถของเด็กไป  การเรียนการสอนแนวใหม่นี้ส่งผลให้เด็กเรียนรู้จากการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น  การจัดการเรียนการสอนต้องทำให้สอดคล้องกับความสามารถของเด็กแต่ละคน  อาจารย์ดำรงสอนวิทยาศาสตร์โดยนำเอาตัวอย่างของจริงที่เห็นได้ในชีวิตประจำวันมาอิงกับทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ในตำราเรียน  แล้วให้เขา ออกแบบการทดลองและปฏิบัติจริง  ในการสอนจะเน้นให้เด็กคิดเป็น  ทำเป็น  ใช้จินตนาการของตนให้มาก  อาจารย์ดำรงเชื่อว่าความสามารถของเด็กไทยไม่ได้แพ้เด็กต่างชาติเลย เพียงแต่เราสอนเด็กโดยเน้นทฤษฎีมากเกินไป  ทำให้นักเรียนขาดทักษะในการใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์
          ผมคิดว่าถ้าครูจะจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญให้ได้ผลสูงสุด  ครูคงจะต้องปรับเปลี่ยนความเชื่อ  ความคิดและวิธีปฏิบัติบางประการ จากความคิดเดิมเป็นความคิดใหม่


          ประการที่ 1  :  ความคิดเดิม  ครูมองความสำเร็จของการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ   มุ่งไปที่การดูว่าครูมีวิธีสอนที่ทำให้เด็กมีกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายเน้นการคิดเอง ปฏิบัติเอง  ของเด็ก
          ความคิดใหม่  ความสำเร็จของการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญอยู่ที่ผลลัพธ์ของผู้ เรียนถ้า  ผู้เรียนรายบุคคลทุกคนมีผลการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ครบถ้วนตามมาตรฐานความมุ่ง หมายของหลักสูตรแม้ผู้เรียนจะมีความแตกต่างกันในพื้นฐานความสามารถและความ สนใจ  แต่ครูมีฝีมือทำให้ผู้เรียนทุกคนบรรลุผลการเรียนรู้ที่พึงปรารถนาได้  ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์เช่นนี้จะต้องเกิดจากฝีมือในการจัดกระบวนการเรียนการ สอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญนั่นเอง
          ประการที่ 2  :  ความคิดเดิม  เชื่อว่าผู้เรียนมีความสามารถต่างกันจึงมีผลการเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน  เข้าทำนองคนเก่งเท่านั้นจึงเรียนดี คนอ่อนเรียนไม่ดี  ความคิดใหม่  ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้ ได้เท่ากันถ้าครูจัดวิธีการเรียนให้เหมาะกับความสามารถของเขา  ข้อสำคัญสิ่งที่กำหนดในหลักสูตรแต่ละวิชาล้วนเป็นมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ นักพัฒนาหลักสูตรมุ่งให้บังเกิดกับผู้เรียนทุกคนไม่เคย มีข้อยกเว้นว่า หลักสูตรที่เขียนนั้นเด็กบางคนที่เก่งเรียนได้ เด็กที่ไม่เก่งเรียนไม่ได้
          ประการที่ 3 :  ความคิดเดิม  ผู้เรียนเรียนรู้จากการอ่าน  การฟัง  การฝึก  และการจดจำ  ความคิดใหม่  ผู้เรียนเรียนรู้จากการได้รับประสบการณ์จากแหล่งต่าง ๆ เช่น ได้จากการสังเกต   รับรู้ข้อมูล  จากกระบวนการคิดกำหนดเป้าหมายความรู้ความสามารถ ที่มีแรงจูงใจอยากได้ อยากรู้ อยากเห็น แล้ววางแผนแสวงหาคำตอบจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ จากการค้นคว้า  จากการทดลองปฏิบัติ  จากการสอบถามผู้รู้  จากการวิเคราะห์สิ่งที่รับรู้  จากการแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อน  รับข้อมูลสะท้อนยืนยันความถูกต้องจากครู  จนสังเคราะห์เป็นองค์ความรู้ของตนเอง
          ประการที่ 4  :  ความคิดเดิม  ผลการเรียน คือ ความรู้ที่แสดงออกด้วยการจดจำความจริง       กฎ  เกณฑ์ต่าง ๆ ที่เป็นเนื้อหา  ความคิดใหม่  ผลการเรียน คือความสมดุลของความรู้  ความคิด  ความสามารถในการวิเคราะห์สังเคราะห์ ประยุกต์ใช้ความรู้  ความสามารถในการแก้ปัญหา  ความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ มีเครื่องมือวิธีการหาความรู้ปรับเปลี่ยนได้ด้วยตนเองรวมถึงการมีเจตคติ    ค่านิยม  ความเชื่อที่เหมาะสม  
          ประการที่ 5  :  ความคิดเดิม  ครูมีกระบวนการสอนที่เป็นมาตรฐานตายตัวใช้กับผู้เรียนทุกคน เช่น มีขั้นนำเข้าสู่บทเรียน  ขั้นให้ความคิดรวบยอดหลักการ  ขั้นขยายความรู้  ขั้นฝึกปฏิบัติ   ขั้นสรุป
ความคิดใหม่  ครูรู้จักจุดเด่นจุดอ่อนของผู้เรียนรายบุคคลจากการประเมินก่อนสอน  ครูออกแบบเส้นทางการเรียนรู้ให้เหมาะกับจุดเด่นจุดอ่อน  ใช้กระบวนการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นหลากหลาย เพราะสิ่งที่เรียนยากนั้นถ้าผ่านทางกระบวนการเรียนรู้จากของจริง ปฏิบัติจริงเป็นขั้นตอนจากง่ายไปหายาก   ผู้เรียนจะเรียนได้สะดวกขึ้น  มีการจัดกลุ่มผู้เรียนที่สอดคล้องกับความสามารถ  ปรับเวลาให้ยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียนช้า  ผ่านเครื่องมือช่วยการเรียนรู้ เช่น สื่อการเรียนด้วยตนเองและเทคโนโลยีช่วยเรียนที่หลากหลาย จะสนองผู้เรียนที่แตกต่างกันได้ดี  ไม่เกิดปรากฏการณ์ที่สอนให้เด็กปานกลางเรียนได้  เด็กเก่งแต่เบื่อหน่าย  และเด็กอ่อนเรียนไม่ได้เลย
          ประการที่ 6  :  ความคิดเดิม   ปล่อยให้เด็กทำกิจกรรมเรียนรู้ตามลำพัง  ครูอำนวยความสะดวกจัดสื่อจัดแหล่งการเรียนรู้ 


          ความคิดใหม  ครูทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหรือโค้ช (Coach) ให้คำแนะนำใกล้ชิด  ร่วมวางแผนโดยยึดมาตรฐานการเรียนรู้ที่ควรได้รับ  แนะนำให้เด็กเข้าใจจุดอ่อนจุดแข็งของตน  ให้เรียนรู้ด้วยวิธีที่เด็กถนัด  คอยติดตามผลการทำกิจกรรม  ให้ความเห็นป้อนกลับ (Feedback) ให้เด็กมั่นใจในผลลัพธ์ที่ถูกต้อง  ให้ปรับปรุงในสิ่งที่ยังด้อย  เสริมความรู้ให้ครบตามมาตรฐาน  ให้คำปรึกษาเมื่อเด็กพบปัญหาอุปสรรค  และกระตุ้นให้กำลังใจในความเพียรพยายามให้กล้าคิดกล้าลองแสวงหาความรู้ที่เขาสนใจ
          ประการที่ 7  :  ความคิดเดิม  การวัดผลประเมินผลมีจุดอ่อนในการยึดเพียงเนื้อหาตามตำรา   มีจุดอ่อนที่ใช้เครื่องมือวัดผลที่จำกัดความคิดของเด็ก เช่น ใช้ข้อสอบแบบเลือกตอบที่วัดความรู้ความจำผิวเผิน  มีจุดอ่อนที่วัดผลประเมินผลน้อยครั้ง  วัดและประเมินเพียงเพื่อตัดสินผลการเรียนความคิดใหม่ เน้นการติดตามผลการเรียนรู้ของเด็กเป็นรายบุคคลตลอดเวลาเพื่อระบุสิ่งที่ยัง บกพร่องแล้วช่วยให้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ได้ผลการเรียนรู้ครบถ้วน วัดครอบคลุมความรู้ความสามารถตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ดี ใช้วิธีการวัดการประเมินหลายอย่างทั้งการประเมินจาก พฤติกรรมการปฏิบัติ  ประเมินจากผลงาน  ประเมินจากการใช้ข้อสอบที่เน้นการเขียนตอบแสดงความคิดวิเคราะห์  สังเคราะห์อย่างกว้างขวาง  ใช้ผลการวัดการประเมินเพื่อการพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่สมบูรณ์ ครบถ้วนตามมาตรฐาน
        บทสรุป
          หัวใจสำคัญของความสำเร็จของการจัดการเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญอยู่ที่ความเป็นครูมืออาชีพที่มุ่งมั่นคิดค้น  แสวงหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนทุกคนมีความสำเร็จในการเรียนรู้เต็มศักยภาพ  ครบถ้วนตามมาตรฐาน  โดยใช้พื้นฐานความรักความเมตตาที่ครูมีต่อผู้เรียนทุกคนอย่างแท้จริง


ที่มาของข้อมูล : ดร.สงบ  ลักษณะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น